วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มารู้จักการฉีด “ฟิลเลอร์” ให้ดีขึ้นกันค่ะ???ฉีดเพื่ออะไร???อันตรายหรือไม่???



วันนี้นาเบลจะมาให้เพื่อนๆรู้จักการฉีด “ฟิลเลอร์” ให้ดีขึ้นกันค่ะ???





ฟิลเลอร์(Filler) หรือ สารเติมเต็มที่เราเรียกว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid)


เป็นสารที่ร่างกายสามารถ สร้างได้เองตามธรรมชาติ

แต่จะลดลงตามอายุที่มากขึ้น โดยมากจะใช้เพื่อเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย





fillerช่วยแก้ไขปัญหา ดังนี้


1.ปัญหาร่องแก้มที่เป็นจุดเด่นทำให้มองดูมีอายุ

2.ลบริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เช่น หน้าผาก ใต้ตา

3.  เสริมจมูก

 4. เสริมคาง

5.ตกแต่งริมฝีปาก

6.ฉีดเติมเต็มปรับรูปหน้า เช่น  ขมับตอบ เติมแก้มตอบ ให้หน้าดูอวบอิ่ม




ฟิลเลอร์ แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้




            1.Temporary Dermal filler (ชั่วคราว)


 ได้แก่ Zyderm  ,Zyplast ถือว่าเป็น Collagen แท้ๆแต่สังเคราะห์มาจาก วัว จึงต้องลองtest ก่อน เพราะบางคนพ้เนื้อสัตว์   filler ชนิดนี้สลายตัวได้เองตามธรรมชาติ  แต่อยู่ได้ไม่นาน




            2.Semi-Permanent Dermal filler (กึ่งถาวร)


ได้แก่ Restylane , Hydrafill , Hylaform , Juvenderm ,Perfectha

 ชื่อคุ้นหู พวกนี้คือ Hyaluronic Acid ( HA ) สังเคราะห์มาจาก การหมักของเชื้อโรค ชนิดหนึ่งที่ชือ  Streptococcus  (Bacteria Fermentation of Streptococcus) สามารถสลายได้ใน1-2 ปี ชนิดนี้ใช้กันอย่างแพร่หลาย และถูกต้องผ่าน อย. ค่ะ



            3.Permanent Dermal Filler (ถาวร)


ได้แก่ Artecoll , Artrfill , Aquamid  , Radiesse เป็นสารสังเคราะห์ เช่น  Artecoll หรือ Artifill ก็เป็นสารพวก PMMA , ซิลิโคน และพาราฟิน หลังฉีดแล้วจะอยู่ในผิวตลอดไป ไม่สลายตามธรรมชาติ มักพบผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนในระยะยาว




ขั้นตอนในการฉีด Filler 



ขั้นตอนที่ 1

ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ต้องการฉีด



ขั้นตอนที่ 2

ทายาชาบริเวณที่ต้องการฉีด ทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาที 



ขั้นตอนที่ 3

แพทย์ทำการฉีดสาร HA เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ โดยระหว่างการฉีดนั้นจะมีอาการแน่นขึ้นในบริเวณที่ฉีด 



ขั้นตอนที่ 4

แพทย์ทำการปรับแต่งในส่วนที่ฉีดให้คนไข้ เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าของคนให้มากที่สุด โดยหลังการฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อย และมีรอยเข็มหลงเหลือเป็นจุดจุดอยู่บ้างในบริเวณที่ฉีด 2-3 วันก็จะจางหายไปเอง





ข้อควรปฏิบัติ หลังการ ฉีด Filler 



1. ห้ามนอนราบ 3 ชั่วโมง

2. ควรงดดื่มแอลกอฮอล์  ในช่วง3วันแรกค่ะ

3. หลีกเลี่ยงแสงแดด 

4.ใน3วันแรก ควรเลี่ยงยาจำพวกแอสไพริน และ วิตามินอี

5. ดื่มน้ำให้มากๆจะช่วยให้ Filler (ฟิลเลอร์) คงสภาพได้นานขึ้นเพราะฟิลเลอร์เป็นสารที่อุ้มเก็บกักน้ำได้ค่อนข้างดี

6. หลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นท์ที่เป็นพวก เลเซอร์ หรือความร้อนประมาณ 2-3 สัปดาห์




ผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์   มีอะไรบ้าง ดังนี้ค่ะ


           1. ฉีดตื้นหรือลึกเกินไป  ทำให้ไม่ได้ผล

           2. เป็นก้อน ๆ  ซึ่งพบได้บ่อย  โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มหรือใต้ตาที่ฉีดตื้นเกินไป

           3. เกิดการบวมในจุดที่ฉีด เป็นผลจากการอุดตันทางเดินเลือด

           4. มีเส้นเลือดฝอยแดงเกิดขึ้น  มักพบได้บ่อยในกรณีที่ต้องการเสริมปลายจมูก

           5. เกิดการอักเสบติดเชื้อ

          6. ฉีดบ่อยๆในบริเวณเดิมๆทำให้เกิดพังผืดมากขี้น  มักเกิดบริเวณจมูก

          7. ตาบอด  เรื่องนี้สาหัสสุด ๆ   มักเกิดจากการฉีดเสริมจมูกอย่างผิดวิธี  ทำให้อนุภาคของสารฟิลเลอร์หลุดเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่ดวงตา  แต่นาเบลยังไม่เคยเจอด้วยตัวเองนะคะ




แม้ว่าสารฟิลเลอร์จะมีผลข้างเคียงบางอย่างอาจเกิดขึ้นได้บาง แต่เราสามารถที่จะลดความเสี่ยงได้

ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน และคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญนะค่ะ






ใครอยากปรึกษานาเบลก็



Line มานะค่ะ @nabellaclinic ค่ะ



ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไร คอยติดตามกันนะคะ



นาเบล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น