วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

7 เคล็ดลับกินเจอย่างไร ไม่ให้อ้วน!!!


ช่วงนี้เป็นเทศกาลกินเจ หลายคนคงนึกถึงอาหารที่มีแป้ง หรือของทอดมากๆ
ซึ่งทำให้มีโอกาสอ้วนง่ายค่ะ วันนี้เลยมีเคล็ดลับมาฝากค่ะ

❤❤❤7 เคล็ดลับกินเจให้ไม่อ้วน❤❤❤



1.เลือกกินให้ครบ 5

หลักนี้สำคัญมากและขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะทานอาหารปกติ หรือทานอาหารเจ เราควรคำนึงถึงสัดส่วนอาหารในแต่ละหมู่ให้ครบในทุกๆมื้อ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป หากใครกลัวว่าทานเจแล้วไม่ละเว้นการทานเนื้อสัตว์จะได้โปรตีนไม่เพียงพอ ไม่ต้องกังวลนะค่ะ ให้เน้นทานพืชตระกูลถั่ว เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนกันค่ะ


2. เลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว

เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ลูกเดือย ธัญพืชต่างๆ ร่างกายใช้พลังงานในการย่อยออกมาเป็นแป้งที่พร้อมดูดซึม ซึ่งน้ำตาลไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณที่เท่ากันของแป้งขัดขาว


3. เลือกกินของนึ่ง, ต้ม, ตุ๋น และเลี่ยงของทอดและผัด

เพราะช่วยให้เลี่ยงการกินน้ำมัน ซึ่งมีไขมันอยู่สูง ข้อนี้สำคัญมากๆสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และไม่อยากได้ไขมันส่วนเกินแถมมาในช่วงเทศกาลกินเจ


4. เลือกกินผักใบมากกว่าพืชหัว

เพราะผักใบมีคาร์โบไฮเดรตที่น้อยกว่าพืชหัวมาก ดังนั้น การกินผักใบจะทำให้เราได้พลังงาน และปริมาณแป้งน้อยกว่าจึงไม่ทำให้อ้วน


5. กินหวานให้น้อยลง

ไม่ใช่ว่าเมื่อคุณกินเจแล้ว จะสามารถกินขนมหวานได้เต็มที่ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารเจหรือไม่เจ ถ้ามีความหวานและผสมน้ำตาลอยู่มากก็อ้วนได้ไม่ต่างกัน


6. ควรกินผลไม้หลายๆ สี ทั้งแดง, เขียว, ขาว, เหลือง, ดำ

 เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลายและเพียงพอ รวมไปถึงมีไฟเบอร์ที่จะช่วยระบบขับถ่าย ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียและสารพิษตกค้างออกมา ส่วนใครที่มักมีปัญหา กินเจแล้วหิวบ่อย ให้หาแอปเปิ้ลเขียว หรือผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยติดตัวไว้นะค่ะ ได้รองท้องแล้ว ยังได้ประโยชน์อีกมากมายเลยล่ะค่ะ


7. ควรกินพืชตระกูลถั่วด้วย

 เพราะเป็นแหล่งโปรตีน มีธาตุเหล็กสูง ช่วยสลายคอเลสเตอรอล ปัจจุบันถั่วถูกแปลงโฉมให้อยู่ในรูปของโปรตีนเกษตร ที่มีความคล้ายคลึงกับอาหารจริงๆ แล้วแถมยังไม่มีไขมันด้วย แต่แนะนำให้เลี่ยงพวกถั่วทอดไว้นะค่ะ เดี๋ยวจะได้ไขมัน และคอเลสเตอรอลเพิ่มได้โดยไม่รู้ตัว


หวังว่าเป็นประโยชน์บ้างนะคะ
นาเบล

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

❤❤❤ปัญหาจมูกบาน??? ฉีดโบท็อกซ์ลดปีกจมูก หรือ ศัลยกรรมตัดปีกจมูก ทำอะไรดี??? ❤❤❤

❤❤❤ปัญหาจมูกบาน??? ฉีดโบท็อกซ์ลดปีกจมูก หรือ ศัลยกรรมตัดปีกจมูก ทำอะไรดี??? ❤❤❤


สวัสดีค่ะ วันนี้นาเบลจะมาแชร์เรื่องปัญหาจมูกบานค่ะหลายคนมักสอบถามว่า จมูกบานทำอะไรดีระหว่าง "ฉีดโบท็อกซ์ลดปีกจมูก" หรือ "ศัลยกรรมตัดปีกจมูก" 


เริ่มที่ "ฉีดโบท็อกซ์ลดปีกจมูก"

-คือ การฉีดสาร โบท็อกซ์ไปยังปีกจมูกทั้งสองข้าง เพื่อหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ยึดบริเวณปีกจมูก ทำให้เนื้อบริเวณปีกจมูกคลายตัวและลดขนาดลงได้ชั่วคราว ส่งผลให้ปีกจมูกดูแคบลง 


ข้อดี

-ไม่เจ็บเมื่อเทียบการทำศัลยกรรม-ไม่มีแผล เพราะไม่ต้องผ่าตัด -ไม่ต้องระมัดระวังดูแลจมูก

ข้อด้อย

-ผลที่ได้ไม่ถาวร เมื่อโบท็อกซ์สลายก็ต้องฉีดซ้ำ-ถ้าใช้โบท็อกซ์ไม่ดี อาจไม่ได้ผล



 ศัลยกรรมตัดปีกจมูก

-เป็นการศัลยกรรมเพื่อตกแต่งปีกจมูกโดยตัดเนื้อปีกจมูกที่มีขนาดใหญ่เกินไปหรือที่มีปัญหาออก แล้วเย็บแต่งด้วยไหมโดยช่วยให้ปีกจมูกทั้งสองข้างมีขนาดที่เล็กลง และขนาดเท่ากัน
อีกทั้งเพื่อความสวยงามและเพิ่มความมั่นใจค่ะ


ข้อดี

-ให้ผลถาวร ไม่ต้องทำบ่อย-สามารถตัดมาก น้อยได้ตามต้องการ

ข้อด้อย

-ต้องดูแลรักษาแผลในช่วงแรก-ถ้าตัดมากเกิน ไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาเท่าเดิมได้


สรุป

-ทั้ง 2 วิธีสามารถช่วยให้จมูกที่บานนั้นแคบลงได้ โดยส่วนตัวชอบการศัลยกรรมมากกว่าเพราะ ทำทีเดียวเลย และบางครั้งผลของโบท็อกซ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่แต่ ถ้าใครกลัว หรือทดลองดูก่อน ก็อาจจะฉีดโบท็อกซ์ก่อนก็ได้ค่ะ

ข้อแนะนำ

-สำคัญคือ ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวาญนะคะ เพราะต้องใช้ความชำนาญและเทคนิคในการทำให้ผลที่ดี และสวยงามค่ะ

ครั้งหน้าจะมีเรื่องอะไร คอยติดตามกันนะค่ะปรึกษานาเบลได้นะค่ะLine : @nabellaclinic----------------------------------------------
❤❤❤เรื่องความสวย ไว้ใจนาเบลนะคะ❤❤❤
----------------------------------------------


วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559

9 ปัญหาใบหน้าของผู้หญิง!!!❤❤❤

9 ปัญหาใบหน้าของผู้หญิง!!!❤❤❤





วันนี้นาเบลจะมาแชร์ 9ปัญหาบนใบหน้าของผู้หญิงนะคะ


1.ผิวหมองคล้ำ
-ปัญหาหลักขอคนไทยค่ะ เพราะแดดแรงเหลือเกินค่ะ


วิธีแก้

-หลีกเลี่ยงแดด ,ทาครีมกันแดด,ถ้าเป็นมากใช้การทำ Laser ช่วยค่ะ



2.ริ้วรอยบนใบหน้า
-ที่พบมากมัเป็น รอยหน้าผาก ตีนกา สาเหตุหลักมาจากความเครียด การแสดงสีหน้าบ่อยค่ะ


วิธีแก้

-ทาครีมบำรุง ,ใช้การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ช่วยค่ะ



3.ร่องแก้มลึก
-ปัญหานี้ทำให้หน้าดูแก่ก่อนวัยค่ะ เกิดจากการยิ้ม หรืออาจจะเกิดจากแสงแดดค่ะ แต่ไม่ได้ห้ามยิ้มนะคะ


วิธีแก้

-เติมฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มค่ะ 



4.คางสองชั้น
-หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า เหนียง ส่วนมากเกิดจากไขมันสะสมที่ใต้คางค่ะ


วิธีแก้

-แนะนำเป็นการฉีดเมโสแฟตสลายไขมันค่ะ จะได้ผลที่ดีค่ะ





5.ไขมันสะสมที่แก้ม
-สาเหตุที่ทำให้หน้าดูกลมค่ะ บางคนฉีดโบท็อกซ์ลดกรามแล้วทำไมหน้ายังดูใหญ่ ส่วนนึ่งเกิดจากมีไขมันสะสมที่แก้มค่ะ


วิธีแก้

-ฉีดสลายไขมันค่ะ



6.ผิวหน้าหย่อนคล้อย

-มักจะเกิดขึ้นตามอายุที่มากขึ้นค่ะ ตามแรงโน้มถ่วงของโลกค่ะ

วิธีแก้

-ทาครีมบำรุงดีๆสม่ำเสมอ หรือทำการร้อยไหม โบท็อกซ์ยกหน้าก็ได้ค่ะ



7.ร่องใต้ตา
-เกิดได้หลายสาเหตุ ทั้งโครงสร้างหน้า หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอค่ะ


วิธีแก้

-ทาอายครีมดีลดความหมองคล้ำลงบ้างค่ะ แต่ถ้าให้ผลดีคือเติมฟิลเลอร์ให้เต็มค่ะ



8.ถุงใต้ตา
-สาเหตุเกิดจากถุงไขมันที่อยู่ใต้ตาค่ะ ไม่ใช่ดอลลี่อายแบบเกาหลีที่อยู่ตรงขอบตานะคะ


วิธีแก้

-ศัลยกรรมตัดถุงไขมันออกค่ะ 



9.กล้ามเนื้อกรามใหญ่
-หรือที่มักถูกเรียกว่าหน้าบานค่ะ คือมีกล้ามเนื้อการมเยอะทำให้หน้าค่อนข้างจะใหญ่


วิธีแก้

-ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามเลยค่ะ


❤❤❤หวังหว่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆบ้างนะคะ


ใครอยากปรึกษานาเบลก็
Line มานะค่ะ @nabellaclinic ค่ะ
ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไร คอยติดตามกันนะคะ


นาเบล❤❤❤

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

❤❤❤เสริมจมูก อัพดั้ง?? ฉีดฟิลเลอร์ หรือ เสริมซิลิโคน ดี???

❤❤❤เสริมจมูก อัพดั้ง?? ฉีดฟิลเลอร์ หรือ เสริมซิลิโคน ดี???



นาเบลมาแชร์ความรู้จากประสบการณ์ส่วนตัวนะค่ะ
เป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยครั้งนะคะ ว่าถ้าอยากเสริมจมูก จะฉีดฟิลเลอร์ หรือ เสริมซิลิโคนไปเลยดี???
วันนี้ นาเบลจะขอช์ข้อมูลในมุมประสบดารณ์และความเห็นส่วนตัวนะคะ

นาเบลจะขอนำคำถามต่างๆเกี่ยวกับการเสริมจมูกแต่ละชนิดนะคะ


⭐⭐เริ่มกันที่การฉีด ฟิลเลอร์ก่อนค่ะ

@การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมจมูก ทำได้มั้ย???
-สามารถใช้ฟิลเลอร์ ฉีดเพื่อเสริมจมูกได้ค่ะ เพราะ ฟิลเลอร์ ที่นิยมมาใช้คือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด” (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งตามหลักการแล้วเป็นสารที่สามารถสลายเองได้ใน3-6เดือนค่ะ



@ฉีดฟิลเลอร์ แล้วมันสลายเองได้หมดมั้ยค่ะ ถ้าจะเสริมซิลิโคนในครั้งหน้า???
-เป็นที่นิยมมากคือ ขอฉีดฟิลเลอร์ก่อนเพื่ออยากรู้ทรงและรูปหน้าที่เปลี่ยนไป ว่าฉีดแล้วชอบมั้ย ต้องบอกว่า การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปทุกครั้ง แม้จะระบุว่าสลายเองใน3-6 เดือน แต่เมื่อจะทำการ เสริมซิลิโคนจมูก ทุกครั้งคุณหมอต้องขูด ทำความสะอาดค่ะ เพราะ มันอาจมีหลงเหลือ ตกค้างบ้างค่ะ

@ทำไมเพื่อนไปฉีดฟิลเลอร์มาอยู่ได้นานเป็นปี 2ปี ค่ะ???
-อาจจะเป็นเพราะสารที่ฉีดเข้าไปเป็นหนึ่งในตระกูลซิลิโคนเหลวค่ะ ซึ่งจะไม่สลาย และอาจเกิดอันจรายได้ค่ะ


@ฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร??? แบบไหน???
-นาเบลแนะนำว่า ถ้าใครมีทรงจมูกที่โดยรวมดีอยู่แล้ว ต้องการปรับแต่ง เช่น เพิ่มสัน เพิ่มปลาย แบบนี้ใช้ฟิลเลอร์จะเหมาะสมกว่าการใช้ซิลิโคนค่ะ แต่ต้องทำโดยหมอที่เชี่ยวชาญนะค่ะ เพราะถ้าเติมเยอะไปมีโอกาสไหลทำให้ดูจมูกโตได้ค่ะ



 ⭐⭐มาว่ากันที่ เสริมซิลิโคนจมูก กันบ้างค่ะ 

@เสริมซิลิโคนจมูก เหมาะกับใคร???ยังไงค่ะ???
-เสริมจมูกด้วยซิลิโคนนั้น เหมาะกับผู้ที่มีจมูกที่ไม่โด่ง หรือเตี้ยเกิน ,ปลายใหญ่ หรือบาน ค่ะ โดยถ้าเลือกทำกับคุณหมอที่เชี่ยวชาญ ก็จัดว่าปลอดภัยสูงมากค่ะ


@ถ้าฉีดฟิลเลอร์มาก่อน ไม่ต้องขูดใช่มั้ยค่ะ เสริมได้เลยมั้ย???
-อันนี้เป็นอีกคำถามที่เจอบ่อยคือ ฉีดฟิลเลอร์แท้ อย่างดีมาแล้วอยากเสริมจมูก ไม่ต้องมีค่าแก้ขูดทำความสะอาดใช่มั้ย เพราะมันสลายเอง ต้องบอกว่า ถึงจะฉีดฟิลเลอร์ที่ดีแค่ไหน อย่างไรคุณหมอต้องขูดทำความสะอาดทุกครั้งค่ะ เพราะฟิลเลอร์ในจมูกมันจะสลายได้ไม่หมด คุณหมอต้องขูดทำความสะอาดเพราะ เมื่อใส่ซิลิโคนเข้าไปต้องมั่นใจว่าสะอาดไม่งั้นเสี่ยงการติดเชื้อ แล้วจะเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ ยังไงก็ต้องขูดทำความสะอาดค่ะ


@เสริมจมูกซิลิโคน แล้วทะลุมั้ยค่ะ???
-เสริมด้วยซิลิโคนนั้นทะลุได้ค่ะ ถ้าใช้ซิลิโคนไม่เหมาะกับเนื้อจมูกค่ะ เช่น อยากได้สูง พุ่งมาก แต่เนื้อจมูกน้อย หลังจากทำเสร็จจะเห็นผิวหนังเป็นสีแดงอ่อนๆค่ะ ซึ่งจะไม่ทะลุในทันทีนะค่ะ แต่ซิลิโคนจะค่อยๆดันผิวจมูกออกมาค่ะ
⭐⭐เพราะฉะนั้น ควรเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะจมูกค่ะ


❤❤❤สรุป❤❤❤


❤❤เสริมจมูกด้วย ฟิลเลอร์
ข้อดี : ใช้เวลาน้อย ,ไม่ต้องผ่าตัด
ข้อเสีย : สลายเร็วต้องมาฉีดเพิ่ม,อาจมีการไหลได้,ถ้าฉีดสารแปลกปลอมก็จะอันตรายค่ะ

❤❤เสริมจมูกด้วยซิลิโคน
ข้อดี : เสริมแล้วอยู่ได้นาน ,เลือกรูปทรงได้ตามต้องการ
ข้อเสีย : ถ้าทำโดยหมอไม่ชำนาญ อาจเบี้ยวหรือทรงไม่ได้ตามต้องการ , เป็นการผ่าตัดจะเจ็บกว่าฉีดฟิลเลอร์

⭐⭐ไม่ว่าจะเลือกเสริมจมูกด้วยวิธีไหน สิ่งสำคัญ คือ เลือกคลินิกหรือคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญ และเลือกให้เหมาะสมกับเราเองค่ะ อย่าตามกระแส หรือคำชวนเชื่อนะคะ

ใครอยากปรึกษานาเบลก็
Line มานะค่ะ @nabellaclinic ค่ะ
ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไร คอยติดตามกันนะคะ

นาเบล

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

❤❤❤ไหมเงี่ยงกุหลาบ 6มิติ (6D) คืออะไร???ยกกระชับหน้าทันทีหลังทำ!!!



❤❤❤ไหมเงี่ยงกุหลาบ 6มิติ (6D) คืออะไร???ยกกระชับหน้าทันทีหลังทำ!!!

 

สวัสดีค่ะ
วันนี้นาเบลขอแชร์เกี่ยวกับนวัตกรรมการร้อยไหมล่าสุด ที่นาเบลว่าให้ผลได้ดีมากค่ะ
ไหมตัวนี้นำเข้าโดยตรงจากเกาหลีค่ะ คือ   ไหมเงี่ยงกุหลาบ 6มิติ (6D) ค่ะ

@@@ไหมเงี่ยงกุหลาบ 6มิติ (6D) คือ อะไร@@@

-ไหมกุหลาบ6มิติ เป็นไหมมีขนาดใหญ่กว่าไหมละลายธรรมดาแบบเดิมจึงทำให้รับแรงได้มากขึ้น การออกแบบเงี่ยง/หนามแบบพิเศษ ทำให้มีประสิทธิภาพในการยกกระชับหน้าดีกว่าไหม โดยรอบไหมๆมีหนามเล็กๆรอบเส้นไหมตลอดเส้นเพื่อช่วยในการยึดเกาะตัวให้ยกกระชับได้ดีกว่าไหมแบบเดิมหลายเท่าจึงได้ผลดีกว่า ไหมชนิดอื่น


@@@ไหมเงี่ยงกุหลาบ 6มิติ (6D) ใช้จำนวนเท่าไหร่@@@

-การร้อยจะใช้ไหมจำนวนน้อยกว่าการใช้ไหมแบบเดิม ประมาณ 4-8 เส้น ต่อ 1 ใบหน้า เห็นผลเร็วหลังทำ หน้าจะยกกระชับ ได้ดีระดับนึง และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 2 อาทิตย์ ในการทำจะไม่เจ็บมาก คุณหมอมีการฉีดยาชาให้ก่อนทำการร้อยไหม

@@@ไหมเงี่ยงกุหลาบ 6มิติ (6D) อยู่ได้นานเท่าไหร่@@@

-ไหมจะค่อยๆละลายภายใน 9 เดือน แต่ผลยังคงอยู่ประมาณ 1-2 ปี


@@@คุณสมบัติไหมเงี่ยงกุหลาบ 6มิติ (6D) @@@

ช่วยได้ 6 เรื่อง หรือ 6 มิติ
 มิติที่1-ช่วยยกกระชับ
 มิติที่2-ช่วยปรับหน้าให้เรียว
 มิตที่3-ช่วยลดเลือนริ้วรอย
 มิติที่4-ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน
 มิติที่5-ช่วยปรับผิวให้ขาว กระจ่างใส
 มิติที่6-ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ใต้ผิวหนัง


@@@แก้ปัญหาอะไรบ้าง@@@

1.       ยกกระชับปรับรูปหน้า และลำคอ
2.       ยกบริเวณหัวคิ้ว หางคิ้วให้ยกขึ้น
3.       แก้ไขแก้มห้อย ร่องแก้มลึก
4.       แก้ไขคางห้อย มีเหนียง ใบหน้าหย่อนคล้อย
5.       แก้ไขมุมปากตก ยกกระชับริมฝีปากล่างห้อย



@@@ข้อดี @@@

1.       สามารถช่วยยกกระชับผิวได้มากกว่าไหม PDO และไหมScrew
2.       กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ ผิวหน้า ให้หน้ากระชับ ผิวแน่นขึ้น
3.       ไม่ต้องการผ่าตัดดึงหน้า
4.       ทำให้หน้าคุณเรียวกระชับทันที และเห็นผลชัดเจน
5.       ใช้จำนวนไหมน้อย4-8เส้น
6.       มีความปลอดภัยสูง ไม่เกิดปฏิกิริยากับผิวเพราะสามารถละลายได้

@@@ ข้อเสีย@@@

- ต้องใช้ความชำนาญของคุณหมอ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีในการยกหน้า


@@@ขั้นตอนการการร้อยไหม Cog@@@

1.       แปะยาชา ประมาณ 30-60นาที
2.       ฉีดยาชา ในจุดที่จะร้อยเพิ่มเติม
3.       ร้อยไหม ด้วยเทคนิคเฉพาะของแพทย์ค่ะ
4.       ประคบเย็น เพื่อลดการบวมช้ำ หลังทำอาจเกิดการบวมช้ำเล็กน้อย โดยปกติ ราว 3-7 วันก็จะหาย หลังเสร็จจากการร้อยไหมแล้ว ยังสามารถล้างหน้า แต่งหน้าได้ แต่แนะนำเว้นการแต่งหน้า 4-6 ชั่วโมงหลังทำ ไม่ต้องพักฟื้น
5.       สามารถไปทำงานได้ตามปกติค่ะ

@@@ข้อแนะนำก่อนการร้อยไหม Cog@@@

1.       งดรับประทานยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Brufen, Naproxen, Motrin, ASA วิตามินอี เพื่อลดการฟกช้ำระหว่างการร้อย
2.       ทำจิตใจให้สบายผ่อนคลายค่ะ


@@@ ข้อแนะนำหลังการร้อยไหม Cog@@@

1.       งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3-7วัน หลังการฉีด
2.       ไม่นวดคลึง หรือบีบจับบริเวณที่ร้อยไหม
3.       หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายจหนักๆ และความร้อน เช่น ซาวหน้า อบไอน้ำ และเลี่ยงแดด
4.       หลีกเลี่ยงการทำ Treatment หรือ Lase บนใบหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์
5.       กลับมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษา

เพื่อนๆคนไหนมีคำถามก็ส่งมาถามกันได้นะคะ
ทาง Line : @nabellaclinic
FB : nabellaclinic

ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไร คอยติดตามกันนะคะ

ใครอยากปรึกษานาเบลก็
Line มานะคะ @nabellaclinic ค่ะ

นาเบล